บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก 2012

การอยู่ร่วมกัน

รูปภาพ
ถ้าจะลองมานับเวลาดูแล้วละก็ คิดว่ากระถางเฟื่องฟ้าต้นนี้น่าจะมีอายุเกินกว่า 5 ปีแล้ว เป็นกระถางซีเมนต์ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 80 เซนติเมตร แล้วก็นำต้นเฟื่องฟ้ามาลงไว้ 5 สายพันธุ์ ตั้งแต่ขนาดกิ่งตอนสูงเพียง 15 เซนติเมตร โดยมีชนิดกลีบสีแดงสด กลีบสีชมพูอ่อน กลีบสีส้ม กลีบสีม่วงอ่อน และกลีบสีขาว แถมท้ายด้วยดอกเฟื่องฟ้าแบบเป็นช่อสีแดงสดอีก 2 กิ่ง มาถึงวันนี้เห็นมีดอกฃนิดกลีบสีส้มกับสีม่วงอ่อนเพียงสองชนิดที่ปรากฏดอกมาให้เห็น กับดอกที่เป็นช่อสีแดงสดอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งชนิดหลังนี้มีลักษณะลำต้นที่ผิดแผกแตกต่างออกไปจากกลุ่มห้าสีนั่น ส่วนสามสีที่รออยู่กลับไปปรากฏตัวอยู่อีกกระถางหนึ่งใกล้ๆ กัน และทำการปลูกพร้อมๆ กันมาซึ่งก็ไม่ปรากฏสีส้มกับสีม่วงอ่อนให้เห็น สงสัยว่าจะเกี่ยงกันเจริญเติบโต อาจจะต้องใช้วิธีติดตาขยายพันธุ์ในโอกาสหน้า จนกว่าจะครบกอละ 5 สี + กับอีก 1 ช่อสีแดงสด แล้ววันหลังจะอารูปมาลงให้ดู กิ่งก้านของเฟื่องฟ้าทั้งสองกระถางถูกควบคุมการเจริญเติบโตด้วยการจำกัดการแผ่ขยายลำต้นออกไปทางด้านข้างด้วยการมัดเป็นช่วงๆ จนถึงความสูง 2.50 เมตร จึงปล่อยให้แผ่ขยายออกด้านข้างตามปกติ และกำลังรอทุนทรัพย์มาต

หมอกสามฤดู

รูปภาพ
หากมองจากเวลาด้านล่างของรูปภาพจะเห็นได้ว่าเป็นเวลา 07.39 น. แต่หมอกหนาทึบยังคงปกคลุมพื้นที่ของบ้านไว้ทั้งหมดจนมองเกือบไม่เห็นตัวบ้านในระยะห่างเกินกว่า 50 เมตร และยังมีละอองหมอกโปรยปรายลงมาเป็นปุยฝอยๆ สีขาวอีกมากมายไม่ขาดสาย เป็นลางบอกเหตุว่าอีกไม่นานคงจะมีหิมะมาตกแถวนี้บ้าง จำได้ว่าวันนั้นกว่าหมอกจะสลายตัวยอมแพ้แสงอาทิตย์ก็เป็นเวลาประมาณ สามโมงเช้าไปแล้ว จึงเริ่มมีแสงแดดสลัวๆ ผ่าทะลุกลุ่มหมอกเข้ามาทีละน้อยจนเกือบสี่โมงเช้าอากาศก็วิปริตแปรปรวนด้วยแสงแดดที่ร้อนระอุจนต้นไม้ใบหญ้าเหี่ยวเฉาทันควัน อุณหภูมิพุ่งขึ้นสูงแบบเหลือเชื่อในเวลาไม่ถึงสองชั่วโมง เปลี่ยนสภาพของพื้นที่ให้กลับกลายเป็นเขตแห้งแล้งอย่างกับว่าโลกกับดวงอาทิตย์กำลังเร่งแรงหมุนกระทันหัน คงจะต้องยอมรับในความจริงที่ว่า ความวิปริตแปรปรวนของสภาพดินฟ้าอากาศเกิดมาจากความวิปริตแปรปรวนของปัจจัยในสังคมหลายประการ เช่น คนในสังคม เริ่มด้อยคุณธรรม มีความเห็นแก่ตัวมากขึ้น มองเห็นแต่คุณค่าของวัตถุมากกว่าคุณค่าของจิตใจ ชื่นชมคนร่ำรวยมากกว่าเชิดชูคนดี กติกาของสังคม เริ่มแสดงออกถึงจุดมุ่งหมายที่แท้จริงว่าต้องการส่งเสริมความสำเร็จของกลุ่

วันรวมญาติ ?

รูปภาพ
  นายโสรัตน์(โจ้) อินทศรี เมื่อ 3 ตุลาคม 2555 ก็เป็นอันต้องมีความจำเป็นที่จะต้องเดินทางไกลออกจากบ้านเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี นับตั้งแต่ลาออกจากราชการมา เนื่องจากหลานชายคนหนึ่งเป็นลูกชายของน้องสาวประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตขณะที่ไปทำงานกับพ่อในช่วงปิดเทอมที่ จ.นครสวรรค์  ก็จำเป็นต้องรบกวนอาศัยความช่วยเหลือจาก จ.ส.อ.เสนาะ เที่ยงธรรม ลำบากขับรถส่วนตัวมาจาก อ.อรัญประเทศ ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ติดปฏิบัติหน้าที่ในการกำกับดูแลลูกน้องอีกมากมายทำงาน ออกมารับที่ อ.วังน้ำเย็น ก่อนจะเดินทางไปพักที่บ้านของน้องสาวอีกคนที่ คลองสาม จ.ปทุมธานี ถึงที่หมายเอาตอนเกือบห้าทุ่ม เมื่อมาส่งแล้วก็ต้องเดินทางกลับไปในช่วง ตี 1 เพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อที่ อ.อรัญประเทศ ซึ่งไปถึงที่หมายเอาเกือบๆ ตี 4 สำหรับ จ.ส.อ.เสนาะ เที่ยงธรรม นั้นเคยเป็นผู้ร่วมงานกันมาก่อนนานมากแล้ว และจำได้ว่าเคยได้รับความช่วยเหลือมาหลายครั้งหลายหน ในเรื่องเร่งด่วนแบบนี้ ตั้งแต่งานศพ คุณยาย คุณพ่อ คุณแม่ งานอื่นๆ ทั้งส่วนตัวและงานของทางราชการ จนมาถึงงานนี้เพิ่มมาอีก 1 งาน รวมเวลาเกือบ 20 ปีเข้าไปแล้วที่ได้รับความช่วยเหลือมาโดยตลอด และหลังพิธีฌาป

ว่านนกคุ้ม

รูปภาพ
ว่านนกคุ้ม ในกระถางที่เอาหน่อเล็กๆ มาลงไว้ตั้งแต่เดือนที่แล้วกำลังแตกหน่ขยายตัวออกพร้อมกับผลิใบแผ่กว้าง สดชื่น สดใส มิหนำซ้ำยังมีดอกเล็กๆ สีขาวแทรกออกมาให้เห็นซะอีก อัันที่จริงแล้วเราแยกหน่อออกมาปลูกเป็นสองกระถาง เพื่อเปรียบเทียบความแตกต่าง ในสถานที่ วัสดุ อุณหภูมิ ที่แตกต่างกัน แต่ปรากฎว่ามันเป็นช่วงฤดูฝนน่ะ ผลมันเลยออกมาใกล้เคียงกันเพราะได้รับน้ำเท่ากัน ไม่ค่อยได้เจอแดดเหมือนกัน รองวดหน้าจะขยายออกไปอีกซักห้ากระถางแล้วค่อยมาดูผลอีกที แต่ตอนนี้กำลังมองหาพันธุ์ใหม่ๆ อยู่เพราะทราบว่ายังมีอีกหลายฃนิดที่มีพันธุ์เดียวกัน ทั้งใบใหญ่ ใบเล็ก สีก็แตกต่างกัน ดอกก็มีหลายสี ทั้งแดง น้ำเงิน ขาว จึงอยากได้ทุกชนิดนั่นแหละแล้วจะมาผสมพันธุ์ใหม่ๆ ออกมาดู ชื่ออื่นๆ : บัวเงิน, ว่านนกคุ้ม, ว่านนางล้อม ชี่อวิทยาศาสตร์ : Brisbane lily (Eurycles amboinensis) ชื่อวงศ์ : AMARYLLIDACEAE  ถิ่นกำเนิด เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ และทางเหนือของออสเตรเลีย มีการกระจายพันธุ์ในป่าโปรงของไทยด้วย แถบอุทัยธานีและนครสวรรค์ ลักษณะทั่วไป เป็นไม้หัว มีระยะฟักตัวในช่วงฤดูหนาว ราวเดือนธันวาคม - มกราคม หลังจากนั้นจะแทงช่อดอ

ปล่อยวาง

รูปภาพ
หากมองย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมาบริเวณนี้จะรกครึ้มเพราะกิ่งก้านของต้นเฟื่องฟ้าเหล่านี้ไม่ได้รับการดูแลตบแต่งทำให้เลื้อยไหลกันไปตามอัธยาศัย ไม่ว่าจะเป็นซ้ายขวาหน้าหลัง ฃึ้นฟ้า ลงดิน มองดูแล้วเป็นที่หงุดหงิดหัวใจ แต่เมื่อเข้ามาทำการจัดระเบียบตัดเล็มกิ่งก้านที่แตกแถวออกไปบ้าง ส่วนที่ก้มหน้าก้มตาจะมุดลงดินท่าเดียวก็ใช้ไม้ค้ำยันให้เงยหน้าขึ้นไปสูดอากาศเสียบ้าง กิ่งก้านไหนแก่กล้าเกินจะดัดแต่งก็ต้องจำใจตัดมันทิ้งออกไปเสียเลย ทั้งนี้ก็เพื่อภาพลักษณ์ในส่วนรวม หลังจากใช้เวลาหลายปีพื้นที่ส่วนนี้ก็กลายเป็นที่ร่มสำหรับการเพาะพันธุ์ไม้หน่ออ่อนๆ ให้เติบใหญ่ขึ้นมาอย่างปลอดภัยมีรูปทรงสวยงามตามที่เราต้องการ (ซึ่งก็เป็นภายหลังจากการรบราฆ่าฟันกับฝูงไก่แม่ลูกอ่อนข้างบ้านอยู่นานวัน) ในภาพจะมองเห็นต้นเศรษฐ๊วิลสันสองต้นที่ครั้งหนึ่งนั้นทำท่าจะสูญพันธุ์ไปแล้ว แต่เก็บก้อนกระเปาะใต้ดินขนาดเม็ดพุทรามานั่งประคบประหงมจนกระทั่งหน่องอกออกมาแล้วแตกกอจนสามารถแยกออกเป็นสองต้น และกำลังรอการแตกหน่ออีกซักรอบในวันหนึ่งข้างหน้า จำได้ว่าเคยลงรูปของต้นเฟื่องฟ้าหน้าบ้านที่ทำการดูแลบังคับกดขี่ให้มันเติบโตอยู่ในถังซีเมนต์

มองไปข้างหน้า

รูปภาพ
ต้นพญานาคราช วงศ์ Monadenium ชื่อไทย ต้นพญานาคราช ชื่อท้องถิ่น Lugardiae ถิ่นกำเนิด แอฟริกาตะวันออก ลักษณะทางกายภาพ เป็นไม้ฉ่ำน้ำ ลำต้นยาวรูปทรงกระบอกสามารถตั้งได้สูงถึง 60 ซ.ม. ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2.5-4 ซ.ม. รอบลำต้นมีตาคล้ายรูปขนมเปียกปูน หรือหกเหลี่ยม มีหนาม 2 อันขนาด 1-2 มิลลิเมตร สีแดง อยู่ตรงกลางตาออกมาพร้อมใบ ลักษณะของใบคล้ายกับใบพายตรงปลายใบแหลม ใบออกจากลำต้นไม่มีก้าน ความยาวสูงสุด 10 ซ.ม. เมื่อโดนแดดจัดใบจะเป็นสีแดง การออกดอก จะออกดอกเมื่อต้นแก่ ดอกจะออกจากลำต้นระหว่างตา ลักษณะของดอกจะเป็นเหมือนหูกระต่ายหงายท้อง กลีบดอกชั้นนอกที่อยู่ข้างบนจะสั้นแบน กลีบดอกชั้นนอกที่อยู่ข้างล่างจะยาวเหมือนหูกระต่ายมีรอยหยักตรงปลายกลีบ ดอกชั้นในเป็นวงกลมสีแดง เกษรสีเหลือง ดอกจะออกห่างจากยอดประมาณ 3-4 ชั้นตาล้อมยอดไว้ ลักษณะนิสัย เป็นไม้ชอบแดด ทนแล้ง จะแตกตายอดจากโคนต้น ไม้ต้นนี้ ไม่ถูกโรคกับน้ำฝนเป็นอย่างยิ่ง แม้เลี้ยงจนต้นยาวเป็นเมตรๆ แล้วพอโดนฝนตกใส่ไม่กี่ครั้งก็มีสิทธิ์เน่าทั้งกอได้ การขยายพันธุ์ ด้วยวิธีการตัดลำต้นที่มีขนาดความยาว 10-15 ซ.ม. ตัดให้ติดโคนต้นหรือติดลำต้

ความเปลี่ยนแปลง

รูปภาพ
 เดิมทีกลุ่มต้นมะขามยักษ์เหล่านี้ถูกเพาะเลี้ยงไว้ในกระถาง จากเริ่มแรกมีอยู่ประมาณกว่า 30 ต้นแต่อยู่นานไปต้นที่อ่อนแอก็ยอมรับสภาพล้มหายตายจากไปทีละต้นๆ จนในที่สุดเมื่อย้ายลงไปไว้ในดินที่ถมใหม่ข้างบ้านมีต้นมะขามที่ยืนต้นแข็งแรงเหลืออยู่เพียง 5 ต้นที่อยู่ชิดติดกัน จึงใช้เส้นลวดจัดระเบียบให้เป็นแนวตรงขนานกันขึ้นไปพร้อมกับตัดยอด ตกแต่งกิ่งก้านอีกเล็กน้อยเป็นการชั่วคราว รอเวลาที่จะดำเนินการอีกครั้งเมื่อรากแก้วสามารถยึดพื้นดินไว้ได้โดยสมบูรณ์แล้ว จุดประสงค์หลักก็คือต้องการร่มเงาให้กับพื้นที่จึงริดกิ่งก้านในระดับต่ำออกจนหมดเพื่อให้มีช่องว่างของกิ่งก้านที่อยู่ต่ำสุดให้อยู่สูงจากระดับพื้นดินมากที่สุด ส่วนเรื่องประโยชน์ที่จะได้รับตามปกติย่อมเป็นไปตามธรรมชาติ ห่างออกไปในแนวขนานกับตัวบ้านเป็นต้นมะม่วงอกร่องที่โตอยู่ในกระถางเช่นเดียวกัน แต่ความสูงเพิ่งจะแค่ 10 เซนติเมตร จึงต้องอาศัยกิ่งไม้มาเสียบไว้รอบๆ เพื่อบังแสงแดดที่แรงจัด พื้นที่ในส่วนนี้จะยังคงปล่อยให้เป็นพื้นที่ว่างไว้ก่อน ดังนั้นจะมีเพียงต้นมะขามยักษ์กับมะม่วงเท่านั้นที่จะยืนหยัดเป็นร่มเงาให้รอการตัดสินใจอีกครั้งงหนึ่ง  เดือนมิถุ

บ้านของเรา

รูปภาพ
เปิดด้วยภาพดอกเฟื่องฟ้าสวยวสดงดงามที่ขึ้นเป็นร่มเงาอยู่ข้างบ้าน ให้ทั้งความร่มรื่นสวยงามเพิ่มบรรยากาศที่อบอวลด้วยความสงบ ร่มเย็นของบรรยากาศในบริเวณบ้าน ย้ำว่าในบริเวณบ้าน ทั้งนี้ก็ด้วยหยาดเหงื่อและความเพียรพยายามที่จะสร้างพื้นที่นี้ให้เต็มไปด้วยความสงบจากธรรมชาติด้วยดอกไม้ไบหญ้าสารพัดชนิด ต้องราวีกับแสงแดดที่แผดแสงจ้า บางครั้งก็ต้องกรำฝนออกไปทำให้แล้วเสร็จในภารกิจที่คั่งค้างอยู่ ทั้งหมดก็เพื่อบ้านของเรา นั่นเป็นเพียงการฟุ้งเฟ้อไปตามครรลองของคนตกงานถาวรที่ต้องอาศัยธรรมชาติบำบัดเพื่อบรรเทาอาการเครียดเท่านั้นเอง เพราะในโลกของความเป็นจริง หมู่บ้านของเราเพิ่งจะมีการเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้านคนใหม่เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมานี่เอง แต่ในวันที่ 3 มิถุนายน ช่วงบ่ายกว่าๆ ว่าที่ผู้ใหญ่บ้านก็โดนยิงตายเสียแล้ว บนเปลที่บ้านของตัวเองกลางหมู่บ้านเสียด้วยจากกระสุนหลายนัด   ก่อนนี้เมื่อลาออกจากราชการใหม่ๆ เคยคิดจะไปหาซื้ออาวุธปืนมาไว้ป้องกันตัวเหมือนกัน แต่ก็ดูจะเป็นเรื่องยุ่งยากเปล่าๆ จึงเลิกล้มความคิดไป มาถึงเวลานี้คงต้องเริ่มคิดทบทวนเรื่องนี้ใหม่อีกครั้งเสียแล้ว เพราะบ้านเมืองดูไร้ขื่อแปไปทุกขณ

เมืองในฝัน

รูปภาพ
มีอยู่ช่วงเวลาหนึ่งที่ทำการถากถางวัชพืชที่อยู่บริเวณด้านข้างของศาลพระภูมิ ซึ่งอยู่ด้านทิศตะวันออกของพื้นที่ห่างจากกำแพงรั้วด้านหน้าเข้ามาประมาณ 5 เมตร จะเห็นว่าสภาพของกำแพงเก่ามากเพราะยังสร้างไม่เสร็จและเป็นอย่างนี้มาตลอด 10 ปีแล้ว ในการถากถางหญ้าก็จะนำเศษดินเศษหญ้ามากองทับถมไว้ชิดกับแนวกำแพงเพราะมีโครงการก่ออิฐกั้นเป็นแนวสำหรับปลูกไม้ดอกไม้ประดับตลอดแนวกำแพงฝั่งนี้เกือบๆ 20 เมตรโดยเผื่อขนาดไว้กว้างประมาณ 50 เซนติเมตร ที่เหลือก็จะเทคอนกรีตทั้งหมด เว้นไว้เฉพาะโคนต้นราชพฤกษ์และต้นลั่นทมเท่านั้น ส่วนต้นลิ้นฟ้าที่มองเห็นอยู่น่ะคงไม่นานหรอกที่จะต้องตัดทิ้ง กำแพงด้านหน้าที่เห็นอยู่นี้มีประโยชน์ในการใช้สอยของเพื่อนบ้านที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเป็นประจำ ในบางโอกาสก็จะใช้ตากเสื่อ หมอน ที่นอน ผ้าห่ม บางครั้งก็มีเสื้อผ้า รองเท้าผ้าใบ มาวางเรียงกันอยู่เป็นแถวเป็นแนวด้านบน  มิหนำซ้ำในช่วงเย็นก็จะมีการนำเศษขยะมาเผาทำลายอยู่ที่ขอบถนนด้านนอกชิดกับแนวกำแพง มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างบาดความรู้สึกอยู่เหมือนกันกับการรับรู้ว่า คนบางคนก็ไม่ใส่ใจต่อความถูกต้อง ความมีสติในการแยกแยะความพอเหมาะพอควรต่อการกระทำบา

คุณค่าของอาหาร

รูปภาพ
อาหารมื้อกลางวันวันนี้ขอเดินออกไปเลือกหาจากข้างหลังบ้านดูก่อน ดอกแคเพิ่งจะแกงส้มไปเมื่อสองวันก่อนต้องพักไว้สักระยะแล้วค่อยเก็บมาผัดน้ำมันจิ้มน้ำพริกกะปิในคราวหน้า มะขามต้นเล็กกำลังเริ่มออกดอกเต็มต้น เห็นทีจะต้องฝากชาวบ้านไปหาปลากดตัวโตๆ มาไว้สักตัวล่ะสำหรับมื้อหน้า งวดนี้ขอเอาใกล้ๆ มือนี่แหละเป็น ผักโขมจีนใบใหญ่เขียวสดใสเหมาะสำหรับอาหารจานด่วนด้วยการผัดน้ำมันหอยใส่ซอสเล็กน้อย เท่านี้ก็เพียงพอในการมีชีวิตรอดไปได้อีกวันหนึ่งแล้ว ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นอาหารราคาแพงในภัตตาคารเลิศหรู(แต่รสชาติสุนัขไม่รับประทาน) ไม่จำเป็นต้องเป็นอาหารที่รสชาติเหนือชั้นที่ระดับฮ่องเต้ยังต้องร้องไห้ด้วยความอร่อย ไม่จำเป็นต้องอวดความมั่งมีให้ชาวบ้านเค้าอิจฉาในความร่ำรวยหรือความเป็นคนระดับสูง จนก้มลงมามองไม่เห็นนิ้วหัวแม่โป้งตีนตัวเอง แน่ล่ะ ว่าคนพวกนี้ย่อมมองไม่เห็นหัวของชาวบ้านด้วยเช่นกัน จึงมักมีข่าวคนพวกนี้เดินสะดุดหัวชาวบ้านล้มลงมาปากแตกเป็นประจำ การให้ความสำคัญกับอาหารจึงควรมองที่คุณค่าของอาหารมากกว่ามองไปที่สภาพแวดล้อมทางสังคมของ "อาหาร" ทำให้มองเห็นคุณค่าด้วยสายตาของสังคม ไม่ใช่ด้วยคุณค่าของ

ปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์

รูปภาพ
เคยใช้เวลาของทุกวันในการเดินเลียบเคียงเมียงมองพื้นที่ส่วนนี้ของบริเวณบ้าน และก็พูดถึงไปบ่อยครั้งรวมถึงในบทความที่ผ่านมาด้วย เนื่องจากเป็นส่วนที่สร้างยุงเมื่อมีน้ำขัง เป็นพื้นที่รวมพลของเจ้าตัวยาวๆ สีดำสนิท จึงสร้างความระคายเคืองในสายตามาช้านานกับความไร้คุณค่าทั้งทางประโยชน์จากการใช้สอยและความสวยงามของภูมิทัศน์ มันจึงเป็นพื้นที่ที่บดบังอาณาบริเวณที่ควรปรากฎให้เห็น สามารถนำมาใช้สอยให้เกิดประโยชน์ในทางใดทางหนึ่ง ไม่กี่วันที่ผ่านมาทางท้ายหมู่บ้านมีการขุดสระขนาดใหญ่ขึ้นในพื้นที่ตรงข้ามกับที่ตั้งของ อบต. แน่นอนล่ะว่าย่อมขุดฟรีโดยผู้ขุดก็จะได้รับสิทธิในการนำดินไปขายตามธรรมเนียม โอกาสเช่นนี้แหละที่รออยู่เพราะพื้นที่อยู่ใกล้เคียงการนำดินมาถมที่ย่อมอยู่ในราคาที่ยอมรับได้นั่นคือ 550 บาทต่อคันรถพร้อมกับนำรถแทรคเตอร์มาปรับระดับพื้นที่ให้เรียบร้อย ที่สำคัญก็คือคุณภาพของดินเหมาะสำหรับการถมที่คือไม่ใช่หน้าดินที่มีสภาพเหมือนฝุ่นในหน้าร้อนและเป็นขี้โคลนในหน้าฝน ดังนั้นการปรับสภาพภูมิทัศน์จึงเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน เป็นต้นมา จากการประมาณการ(โดยอาศัยเงินในกระเป๋าเป็นตัวตั้ง) ได้ติดต่อแจ้งผู้ร

ขยะของสังคม

รูปภาพ
หากมองภาพข้างบนนี้แล้วก็จะเห็นว่าเป็นภาพของใบไม้แห้งที่ร่วงหล่นลงมากองทับถมกันตามธรรมชาติของป่าไม้ทั่วไป แต่ความจริงแล้วมันไม่ได้ง่ายอย่างนั้นหรอกครับเพราะใบไม้แห้งที่เห็นอยู่นี่ถูกกวาดต้อนเอามาจากที่ต่างๆ ทั่วบริเวณหลังบ้านแล้วขนย้ายเอามากองรวมเอาไว้ในพื้นที่ส่วนนี้ซึ่งเป็นพื้นที่ต่ำยังไม่ได้ถมดินเพื่อปรับระดับพื้นที่  การเอาเศษใบไม้และขยะมูลฝอยมาทิ้งไว้จึงเป็นการถมพื้นที่ไว้ล่วงหน้าเพื่อประหยัดดินที่จะใช้  เนื่องจากราคาดินถมที่ในเขตบ้านนอกวันนี้ราคาโดยเฉลี่ยรถละ 550 บาท และพื้นที่ส่วนที่เตรียมการถมนี้คาดว่าคงจะใช้ต่ำสุดก็ 30 คันรถหรืออาจจะถึง 50 คันรถ ก็น่าจะใช้งบประมาณไม่ต่ำกว่าสามหมื่นเสียแล้ว พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตินี้ “มูลฝอย” หมายความว่า เศษกระดาษ เศษผ้า เศษอาหาร เศษสินค้า เศษวัตถุ ถุงพลาสติก ภาชนะที่ใส่อาหาร เถ้า มูลสัตว์ ซากสัตว์ หรือสิ่งอื่นใดที่เก็บกวาดจากถนน ตลาด ที่เลี้ยงสัตว์ หรือที่อื่น และหมายความรวมถึงมูลฝอยติดเชื้อ มูลฝอยที่เป็นพิษหรืออันตรายจากชุมชน มาตรา ๑๘ การเก็บ ขน หรือกำจัดสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอยในเขตราชการส่วนท้องถิ่

สังคมที่เริ่มมืด

รูปภาพ
ภาพข้างบนเป็นสระน้ำบริเวณด้านทิศตะวันตกของพื้นที่ขนาดประมาณ 1 งานเห็นจะได้ แต่ถ้ารวมพื้นที่ของขอบบ่อโดยรอบด้วยก็น่าจะเป็น 2 งานเพราะนานวันเข้าดินที่ขอบบ่อก็เริ่มเดินทางลงไสู่ก้นสระทีละน้อยๆ ดินที่ขุดสระนี้ทั้งหมดนำมาใช้ถมพื้นที่ในส่วนที่ปลูกสร้างตัวบ้านทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายไปหลายหมื่นแล้วก็ได้ประโยชน์จากสระน้ำนี้ด้วยพร้อมๆ กัน น้ำจะค่อนข้างใส ทั้งนี้เพราะสภาพของดินจะเป็นลูกรังผสมหินปูนบ้าง ผสมเศษหินภูเขาก้อนเล็กๆ ที่อยู่ในส่วนลึกๆ เนื่องจากพื้นที่ในพิกัดนี้เป็นที่สูงหรืออาจจะเป็นแนวเทือกเขาแต่เดิม ผิดกับพื้นที่ที่ห่างออกไปจากแนวทางหลวงแผ่นดินมากกว่า 1 กิโลเมตรจะมีลักษณะเป็นที่ลุ่มต่ำและถูกน้ำท่วมเป็นประจำ  เมื่อประมาณปี 2548 เคยเลี้ยงปลานิลไว้ฝูงใหญ่ทีเดียว ซึ่งช่วงนั้นยังคงรับราชการอยู่จึงมีเวลามาดูแลเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์เท่านั้น แม่บ้านก็มีธุระส่วนตัวมากมายเลยไม่ค่อยได้อยู่บ้าน ปลานิลที่เลี้ยงไว้คราวนั้นมีอยู่นับร้อยใหญ่สุดก็ขนาดยาวกว่า 20 เซนติเมตรแล้วก็จะมีปลาหมอ ปลาดุก ปะปนอยู่บ้าง ปลาพวกนี้เลี้ยงด้วยหัวอาหารถุงละหลายร้อย พอช่วงเช้าช่วงเย็นก่อนให้อาหารก็จะออกไปเดินวนขอบสระเล

หญ้ารกบ้านคนรกสังคม

รูปภาพ
ถ้าจำไม่ผิดดูเหมือนจะเคยเอาภาพของมะขามยักษ์มาลงไว้ครั้งหนึ่งแล้ว ช่วงนี้แก่จัดเกือบหมดทั้งต้น แม่บ้านจึงทำการเก็บมาแกะเปลือกเพื่อยืดอายุการใช้งานตามธรรมเนียมปฏิบัติของบรรพบุรุษ  ลองวัดขนาดดูในบางฝักมีความยาวสูงสุดก่อนแกะเปลือกนอกถึง 22 เซนติเมตร ซึ่งเป็นฝักที่เห็นว่ายาวที่สุดนะ แต่อาจจะมียาวกว่านี้ก็เป็นได้ซึ่งมองไม่เห็น เนื่องจากมีจำนวนมากจนกิ่งก้านที่ตัดตกแต่งไว้สูงเหนือหัวห้อยย้อยลงมาจนเกือบถึงพื้น  ต้องออกแรงตัดใหม่อีกครั้งจนเหงื่อตกหลังการเก็บผลผลิตไปได้บางส่วน เหตุผลก็เพราะจะได้อาศัยพื้นที่ไว้พักผ่อนนอนเล่นในตอนกลางวันเวลาไปทำงานจิปาถะบริเวณนั้น ฤดูฝนที่ผ่านมาสร้างปัญหาให้อย่างมากมายเนื่องจากบรรดาวัชพืชที่ไม่ได้เจนาจะปลูกแย่งกันเติบโตจนแทบไม่เหลือทางเดินไว้ให้เลย และเมื่อถึงช่วงหน้าแล้งก็ออกแรงลุยถากถางกันไปนานนับเดือนด้วยตัวคนเดียวนี่แหละจึงมีสภาพพอจะเดินเหินไปได้บ้าง(ในบางส่วน) ไม่เหมือนด้านหน้าของบ้านที่เปิดฉากลุยมาก่อนตั้งแต่ช่วงปลายปีเปิดพื้นที่ให้ราบโล่งเหลือเฉพาะไม้ดอกไม้ประดับที่ต้องการเท่านั้น สภาพของพื้นที่กว่า 3 ไร่กับการดูแลเพียงคนเดียวเมื่อมีอายุมากแล

ก้มหน้ามองดิน

รูปภาพ
การดำเนินชีวิตอย่างเงียบสงบในภูมิประเทศที่ห่างไกลจากความเจริญทางวัตถุนั้นดูเหมือนจะหาไม่ได้เสียแล้วใน พ.ศ.นี้ เพราะแม้จะอยู่ห่างจากถนนที่เป็นทางหลวงแผ่นดินระดับรองๆ (ก็วัดจากหมายเลขถนนนั่นแหละ) มีความกว้างเพียงแค่รถยนต์คันเล็กๆ สวนทางกันได้ แต่ทุกชั่วโมงก็เริ่มมีเสียงรถยนต์บรรทุกขนาด 18 ล้อผ่านไปมาไม่ขาดช่วง ผสมกับเสียงการทดสอบ ทดลองขับรถจักรยานยนต์ของร้านซ่อมที่เร่งเครื่องโฉบเฉี่ยวไปมาอีก 5 ร้านที่ตั้งอยู่ในระยะห่างแค่ 300 เมตร นานๆ ครั้งจึงจะมีเสียงรถยนต์ชนกับรถจักรยานยนต์ให้ฟังสลับฉากบ้างแก้เหงา ตัวบ้านแม้จะปลูกอยู่ห่างจากถนนใหญ่เส้นนี้เข้ามาในขอบด้านข้างของหมู่บ้านลึกกว่า 200 เมตร ก็สามารถรับฟังเสียงต่างๆ ได้เต็มรูหู มีทางแก้ก็คือก่อนลงไปทำงานก็เปิดคอมพิวเตอร์ไว้ เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตเปิดโปรแกรม AIMP ซึ่งสามารถรับฟังสถานีวิทยุได้กว่าหมื่นช่องจากทั่วโลก เลือกหาสถานีที่ฟังสบายหูเป็นเสียงธรรมชาติ แน่นอนล่ะว่าจะต้องต่อสายลำโพงไปออกที่เครื่่องขยายเสียงชุดใหญ่ 5 ลำโพงเท่านั้น ถึงจะได้ยินทั่วบริเวณบ้าน เป็นสิ่งที่หลีกหนีไม่พ้นกับการที่จะต้องรับฟังข่าวสารของบ้านเมือง แม้จะพยายามก้มหน้