บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก 2014

คิดถึงหลานสาว

รูปภาพ
เมื่อตอนเริ่มจัดระเบียบพื้นที่บ้านใหม่ๆ ด้วยการปลูกต้นไม้ใหญ่ลงผิวดินและปลูกไม้ประดับลงกระถาง จากนั้นก็โยกย้ายจากจุดนั้นไปจุดนี้ จากจุดนี้ไปอยู่ตรงโน้น มีทั้งวางต่ำติดดิน มีทั้งที่ต้องยกซ้อนสูงขึน ออกแรงกันทุกวี่ทุกวัน แต่ก็สนุกดีที่มีเวลาพักผ่อนจิตใจไปกับธรรมชาติ และช่วงเวลานั้นก็มีอยู่เกือบ 3 ปีที่มีหลานสาวตัวน้อยๆ เข้ามาช่วยขัดแข้งขัดขาไปพร้อมๆ กัน เนื่องจากคุณป้าของเค้าไม่ค่อยจะมีเวลาว่างให้มากนัก "ยายหนูอั้ม" เลยต้องลงมาขลุกอยู่กับลุงบนพื้นดินนี่แหละเป็นการออกกำลังกายบริหารกล้ามเนื้อไปในตัว และมีส่วนช่วยในการกล่อมเกลาจิตใจให้รักธรรมชาติไปด้วย วันต่อไปข้างหน้าจะได้มีจิตใจที่อ่อนโยน มีเมตตา รู้จักคำว่า "การพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน"  แต่ก็มีเวลาสดใสกับหลานสาวได้ไม่เท่าไหร่ "ยายหนูอั้ม" ก็มีวาสนาได้ไปเข้าไปศึกษาเล่าเรียนที่ประเทศฟินแลนด์ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่  "มีระบบการศึกษาดีที่สุดในโลก" และก็เริ่มต้นจากการศึกษาภาษาฟินแลนด์ก่อนเป็นลำดับแรกเพื่อให้สามารถปรับตัวเข้ากับเพื่อนร่วมชั้น  รวมถึงสภาพแวดล้อมอื่นๆ ทั้งภูมิประเทศที่มีทิ

ชีพจรโรค

รูปภาพ
ระยะนี้เริ่มมีความรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติบางอย่างที่เกิดขึ้นกับร่างกายของเรา ที่กังวลมากที่สุดก็มีอยู่เพียงเรื่องเดียว นั่นก็คืออาการเครื่องดับอย่างกระทันหัน แม้แต่เวลาที่กำลังก้มหน้าก้มตาพิมพ์หนังสืออย่างตั้งอกตั้งใจในเวลากลางวันแสกๆ มันเหมือนกับการเกิดจินตนาการซ้อนทับขึ้นมาปนเปกับเรื่องที่กำลังเขียนอยู่ ทำให้เกิดสมาธิวอกแวกปล่อยใจไหลเรื่อยไปตามเรื่องที่แทรกซ้อนขึ้นมา และอาการไหลเรื่อยนั้นเป็นไปโดยไม่เจตนาและไม่มีความคิดที่จะหยุดยั้งมันเลย ผลที่เกิดขึ้นก็คือ เรื่องราวที่กำลังพิมพ์อยู่มีข้อความค้างคาอยู่อย่างนั้นเอง ขณะที่เวลาหล่นหายไปในระหว่างนั้นถึงสองชั่วโมงกว่าๆ ครับ ผมนั่งหลับอยู่บนเก้าอี้หน้าจอคอมพิวเตอร์ในลักษณะนี้เองตลอดเวลาสองชั่วโมงกว่าๆ ที่สติวูบหายไปโดยไม่รู้ตัว เป็นอาการเครื่องดับอย่างถาวรทั้งๆ ที่เจ้าตัวยังคงมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ดีทุกประการ และอยู่ในระหว่างการทำงานอยู่เสียด้วย เป็นคำสั่งปิดเครื่องของร่างกายโดยตรง แต่เจ้าของตัวตนกลับไม่ได้รับการแจ้งเตือนแม้แต่น้อย ผมหลับตานึกถึงภาพของตัวเอง หากว่าเกิดอาการ "เครื่องดับ" ขณะที่กำลังขับขี่รถจักรยานยนต์อยู่ด้วยค

ฝนฟ้าคะนอง

รูปภาพ
ช่วงนี้ฝนฟ้าคะนองฝนตกพร่ำเพรื่อไม่เป็นเวล่ำเวลา ทำให้เวลาในการทำงานประจำวันในบริเวณพื้นที่รับผิดชอบจำนวน 3 ไร่ไม่ค่อยจะสะดวกเท่าไรนักเพราะระยะนี้กระโหลกไม่ค่อยหนาทำให้ไม่ค่อยจะสู้ฟ้าสู้ฝนต้องหลบเข้ามานั่งเปิดคอมเล่น(เหมือนเดิม) แต่ไม่ค่อยจะมีอารมณ์ในการเข้ามาเขียนบล็อก ส่วนมากจึงใช้เวลาหมดไปกับการดูหนังต่างประเทศที่โหลดมา  หรือไม่ก็เปิดเพลงฟังพร้อมกับอ่านหนังสือที่โหลดมาเก็บตุนเอาไว้กว่าสี่ห้าพันเรื่อง อ่านกันจนตาบวมแดงเป็นนกกระปูด แล้วก็ท่องไปในโลกกว้างด้วยสารคดีในทุกแนวทาง ตั้งแต่ระบบสุริยะจักรวาล ความก้าวหน้าทางวิทยาการต่างๆ มาจนถึงระบบกายวิภาคศาสตร์ ซึ่งเรื่องหลังนี่เจาะลึกเข้าไปจนถึงศึกษาภาคปฏิบัติในบางเว็บ(ก็เว็บโป๊นั่นแหละท่าน) ส่วนหนังที่เปิดดูส่วนมากก็จะเป็นหนังที่เข้าใหม่(หรือบางทีก็ไม่มีเข้ามาฉายในบ้านเราด้วยเหตุผลทางการเมืองเพราะเกี่ยวกับเรื่องของชนชั้นทางสังคม หรือไม่ก็โป๊จนเข้าข่ายอนาจารต้องปิดตามองลอดง่ามนิ้วดู หรือไม่ก็บู๊ล้างผลาญจนเลือดกระเด็นออกมาจากจอเปรอะหน้าตาคนดู) ทำให้ได้รับรู้ถึงสถานการณ์ที่ไม่ได้กำหนดไว้ในเจตนารมณ์ของหนังเค้า เช่น เรื่องที่ว่าพระเอกจะต

อยู่อย่างสัตว์

รูปภาพ
ทั่วบริเวณโดยรอบพื้นที่ของบ้านในหลายปีที่ผ่านมา ได้พยายามปลูกต้นไม้ทั้งแบบยืนต้นสูงตระหง่านไปชั่วนาตาปี หรือแบบไม้ประดับกึ่งไม้ล้มๆ ลุกๆ ทั้งไม้มีดอก ไม้มีแต่ใบ ดังนั้นผลพลอยได้อย่างหนึ่งจากต้นไม้เหล่านี้ก็คือ รังนกนานาชนิดที่ปลูกสร้างกันอยู่ทั่วไปหมดเกือบจะทุกต้นทีเดียว ไม่เว้นแม้แต่หน้าต่างช่องระบายอากาศของห้องน้ำ ในฝ้าเพดานของตัวบ้าน นกส่วนมากจะเป็น นกกระจอก นกเอี้ยง และนกเขา นานๆ ทีก็มีนกพิราบจากวัดใกล้ๆ บ้านโฉบลงมากินน้ำในสระหลังบ้านแล้วก็โฉบขึ้นไปเกาะบนสันหลังคาเป็นทิวแถว จากนั้นก็ขี้รดหลังคาตามมารยาทที่ดีของมัน วันดีคืนนี้ก็ยังอุตส่าห์มีนกเป็ดน้ำหลงเปะปะมาแช่เย็นอยู่ในสระวันสองวันก่อนจะสาบสูญไป ชีวิตของสัตว์ทุกชีวิตในพื้นที่ของบ้าน มองๆ ดูแล้วก็รู้สึกได้ถึงความอิสระ ความมั่นคงและปลอดภัยในชีวิตของพวกมัน บางครั้งเดินผ่านๆ ไปเกือบจะเหยียบเอาลูกนกเขาที่กำลังหัดบิน บางครั้งเดินไปหยิบไม้ออกจากกองในโรงเก็บก็ตกใจแทบตายเพราะเจอจิ้งเหลนสะบัดหางหลอก นึกว่างู บางวันกำลังเขย่งขาเก็บลูกหว้ายักษ์ที่ปลูกไว้หลังบ้าน เจ้ากระรอกสองตัวมันวิ่งไล่เตะกันผ่านปลายจมูกไปอย่างไม่เกรงใจเจ้าของบ้าน สัญ

ถึงวันหยุด ?

รูปภาพ
สิบกว่าปีมาแล้วที่ใช้ชีวิตอยู่บนเบาะรถคันนี้ในการเดินทางรวมระยะทางได้นับแสนกิโลเมตร ไม่ว่าจะร้อนแดด ทนสู้อากาศหนาวเย็นหรือจะฝ่าสายฝนกระหน่ำรุนแรงเพียงใด ชีวิตก็ยังคงปลอดภัยเสมอมา แม้ว่าบางครั้งบางหนจะเมาไปบ้างจนเผลอบิดเกินกว่า 130 ซึ่งก็เป็นนานๆ ครั้ง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะแคล้วคลาดจากอุบัติเหตุเสมอไปแม้ว่าจะใช้ความระมัดระวังจนถึงที่สุดแล้วก็ตาม แต่ทุกครั้งสาเหตุไม่ได้เกิดจากสภาพของรถที่ซื่อสัตย์เสมอมา และไม่ได้เกิดจากสภาพความพร้อมของคนขับขี่แต่อย่างใด แต่อุบัติิเหตุทั้ง 5 ครั้งเกิดจากเหตุสุดวิสัยที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เลย เพราะความเร็วที่ใช้โดยเฉลี่ยประมาณ 80-100 กม./ชม.เท่านั้นเอง ครั้งที่ 1 รถไถนาชนิดเดินตามพ่วงด้วยกระบะท้ายบรรทุกอ้อยเต็มลำวิ่งอยู่บนถนนสายตรงไม่มีทางแยกซ้ายขวาให้เห็นเลยในระยะครึ่งกิโลเมตร พอตามหลังเข้าใกล้ระยะห่างประมาณ 20 เมตรจึงกดแตรขอทางแล้วแซงขวาขึ้นไปด้วยความเร็วประมาณ 80 กม./ชม. ปรากฎว่าผู้ขับขี่ได้หักหน้ารถเลี้ยวขวาขวางถนนอย่างกระทันหัน แล้วค่อยหันมามอง สรุปได้ว่าไม่มีทางที่จะพ้นจากการชนไปได้แน่นอนจึงตัดสินใจบิดคันเร่งพารถกระโจนลงจากถนนไปจอดอยู่กลางทุ่งน

มองหาคำตอบ

รูปภาพ
ช่วงเวลาประมาณ 1600 ของทุกวันจนถึง 1800 จะเป็นช่วงเวลาที่อุทิศให้กับต้นไม้ใบหญ้าโดยรอบพื้นที่บ้านเป็นประจำทุกวันไม่เคยขาด นับตั้งแต่การดูแลตกแต่ง ปลูกใหม่ โยกย้ายกระถาง ปรับแต่งพื้นที่ รวมไปถึงการใส่ปุ๋ย รดน้ำ ทั้งหน้าบ้านและหลังบ้านในพื้นที่ทั้ง 3 ไร่ หน้าบ้านนั้นจะมีต้นมะม่วงต้นนี้เพียงต้นเดียวที่แตกแถวมาเพราะส่วนมากอีกประมาณ 8-9 ต้นจะอยู่พื้นที่หลังบ้าน ส่วนมากจึงเป็นพวกไม้ดอก ไม้ประดับทั้งสิ้น คาดว่าคงใช้เวลาอีกประมาณ 10 ปี พื้นที่บริเวณนี้น่าจะเสร็จสมบูรณ์ตามแบบที่วางเอาไว้ ก็จะพยายามอยู่ให้ถึงแล้วก็ทำให้เสร็จจนได้ ในบางโอกาสจะมีบางหนที่ขยันเป็นพิเศษก็จะใช้เวลาตั้งแต่เช้าจนถึงเย็นในการทำกิจกรรมเหล่านี้ เช่น กรณีที่คอมพิวเตอร์มันเจ๊งสนิททั้งสองเครื่อง หรือกรณีที่ไฟฟ้าดับทั้งวัน ก็จำเป็นต้องลงมาสนุกกับงานโยธาภาคพื้นดิน มันเป็นความสุขที่ไม่ต้องเสียเงินไปซื้อหา แม้ว่าจะต้องอยู่เพียงลำพังคนเดียวเงียบๆ แต่ก็มีความสุขกับกิจกรรมที่กระทำอยู่ ได้พบเห็นความเปลี่ยนแปลงของต้นไม้ใบหญ้าที่เราลงมือลงแรงกระทำด้วยตนเองมานานกว่า 10 ปี ทุกอย่างสำเร็จลงด้วยมือของเราโดยปราศจากข้อขัดแย้ง ผลประโยช

ผลตอบแทน

รูปภาพ
ย้อนกลับไปเมื่อห้าปีกว่าๆ ที่ผ่านมา บริเวณนี้มีเพียงหญ้าขน ต้นไมยราพที่ขึ้นปกคลุมเต็มพื้นที่ ทำให้ต้องออกแรงถากถางอยู่เป็นนิจสิน และก็มีอยู่วันหนึ่งที่เดินแทะมะม่วงสุกลูกโตเบ้อเริ่ม เรียกว่าใหญ่เกินปกติธรรมดาของน้ำดอกไม้ พอกินเสร็จก็หันซ้ายหันขวาไปมา แล้วก็ตัดสินใจวางแผนสร้างร่มเงาให้กับพื้นที่ด้านหน้าของบ้านเป็นชื้นพิเศษด้วยการขุดหลุมเพาะมะม่วงเมล็ดนี้ลงในดินแบบสดๆ เลย และก็เป็นไม้ผลเพียงต้นเดียวของหน้าบ้านที่ตั้งใจปลูก เนื่องจากพื้นที่หน้าบ้านทั้งหมดได้กำหนดรูปแบบให้เป็นพื้นที่ของไม้ดอกและไม้ประดับเท่านั้น แต่อันที่จริงที่ใกล้ๆ กันมีต้นมะพร้าวยังคงยืนต้นอยู่อีก 1 ต้นจากเดิมมีอยู่ 4 แล้วถูกหนอนทำลายตายหมดสิ้นไป มะพร้าวต้นนี้ยังไม่ยอมตายแต่ก็ไม่กล้าตัดมันทิ้งตามแผนการเดิมเพราะเป็นมะพร้าวน้ำหอมที่เคยกินน้ำกินเนื้อมาตั้งแต่ตอนสูงเพียงแค่สุดแขนเอื้อม มาถึงวันนี้มันสูงไปกว่า 5 เมตรเสียแล้ว กินยากจนเลิกกินไปเองด้วยความขี้เกียจสอยน่ะ ที่พูดถึงมะม่วงต้นนี้ก็เพราะในวันนี้มันออกดอกเป็นครั้งแรกในชีวิตของมันครับตั้งแต่ต้นเดือนมกราคมในช่วงอากาศกำลังหนาวเย็น และด้วยความสูงเพียงสองเมตรครึ่งทำ

บัวสี่เหล่า

รูปภาพ
บัวสี่เหล่า คืออุปมาเปรียบบุคคลเหมือนดอกบัว 4 จำพวก ที่อยู่ในฐานะของบุคคลที่สามารถฝึกสอนให้รู้ธรรมได้และไม่ได้ในทางพระพุทธศาสนา เรื่องราวที่พระพุทธเจ้าเปรียบบุคคลเสมือนบัวจำพวกต่าง ๆ นั้น เป็นข้อความที่ปรากฏในคัมภีร์อรรถกถา (คัมภีร์ชั้นหลัง) และพระไตรปิฏก ว่าเมื่อแรกที่พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้ พระองค์ได้พิจารณาว่าพระธรรมที่พระองค์ทรงบรรลุนั้นมีความละเอียดอ่อนสุขุมคัมภีรภาพ ยากต่อบุคคลจะรู้ เข้าใจและปฏิบัติได้ แต่ต่อมาได้ทรงพิจารณาอย่างลึกซึ้งแล้ว ทรงเห็นว่าบุคคลในโลกนี้มีหลายจำพวก บางพวกสอนได้ บางพวกสอนไม่ได้ เปรียบเสมือนบัว 4 เหล่า (ตามนัยอรรถกถามี 4 เหล่า หรือ 3 เหล่า (ตามนัยพระไตรปิฎกมีเพียง 3 อนึ่ง มีความสับสนถึงเรื่องการเปรียบบุคคลด้วยบัว 3 เหล่าตามนัยพระไตรปิฎก คือสับสนนำข้อความในปุคคลวรรค ที่เปรียบบุคคลเป็น 4 เหล่า มาปะปนกับข้อความในอรรถกถา (คัมภีร์ชั้นหลัง) ที่เปรียบดอกบัวเป็น 4 เหล่า[4] ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะในพระไตรปิฏกพระพุทธองค์ตรัสเปรียบบุคคลเหมือนดอกบัวเพียง 3 เหล่าเท่านั้น เมื่อพิจารณาจากบัวสี่หรือสามเหล่าดังกล่าว ความในมติอรรถกถากล่าวว่ายังมีมนุษย์บาง