ก้มหน้ามองดิน


การดำเนินชีวิตอย่างเงียบสงบในภูมิประเทศที่ห่างไกลจากความเจริญทางวัตถุนั้นดูเหมือนจะหาไม่ได้เสียแล้วใน พ.ศ.นี้ เพราะแม้จะอยู่ห่างจากถนนที่เป็นทางหลวงแผ่นดินระดับรองๆ (ก็วัดจากหมายเลขถนนนั่นแหละ) มีความกว้างเพียงแค่รถยนต์คันเล็กๆ สวนทางกันได้ แต่ทุกชั่วโมงก็เริ่มมีเสียงรถยนต์บรรทุกขนาด 18 ล้อผ่านไปมาไม่ขาดช่วง ผสมกับเสียงการทดสอบ ทดลองขับรถจักรยานยนต์ของร้านซ่อมที่เร่งเครื่องโฉบเฉี่ยวไปมาอีก 5 ร้านที่ตั้งอยู่ในระยะห่างแค่ 300 เมตร นานๆ ครั้งจึงจะมีเสียงรถยนต์ชนกับรถจักรยานยนต์ให้ฟังสลับฉากบ้างแก้เหงา ตัวบ้านแม้จะปลูกอยู่ห่างจากถนนใหญ่เส้นนี้เข้ามาในขอบด้านข้างของหมู่บ้านลึกกว่า 200 เมตร ก็สามารถรับฟังเสียงต่างๆ ได้เต็มรูหู มีทางแก้ก็คือก่อนลงไปทำงานก็เปิดคอมพิวเตอร์ไว้ เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตเปิดโปรแกรม AIMP ซึ่งสามารถรับฟังสถานีวิทยุได้กว่าหมื่นช่องจากทั่วโลก เลือกหาสถานีที่ฟังสบายหูเป็นเสียงธรรมชาติ แน่นอนล่ะว่าจะต้องต่อสายลำโพงไปออกที่เครื่่องขยายเสียงชุดใหญ่ 5 ลำโพงเท่านั้น ถึงจะได้ยินทั่วบริเวณบ้าน

เป็นสิ่งที่หลีกหนีไม่พ้นกับการที่จะต้องรับฟังข่าวสารของบ้านเมือง แม้จะพยายามก้มหน้าก้มตาถากถางต้นไม้ใบหญ้า ขุดดิน พรวนดิน รดน้ำต้นไม้ ทั้งวันจนแทบไม่มีเวลาจะว่าง แต่ข่าวสารมันก็ยังลอยมาตามลมจากข้างๆ บ้านตลอดเวลา จึงตัดสินใจที่จะหยุดการหลีกหนีซะทีเพราะอัดอั้นตันอุรามานานแล้วกับความหลอกลวง ไร้สาระ ทั้งหลายทั้งปวงที่ถูกยัดเยียดเข้าสู่ความคิดของประชาชน และหันเข้ามาหาการรับรู้ข่าวสารอย่างจริงๆ จังๆ โดยไม่มีอคติต่อผู้หนึ่งผู้ใดทั้งสิ้น แต่จะเป็นกลางดูซักคนเพื่อลบล้างคำสบประมาทของไอ้พวกอวดเก่งบางคนที่ว่า "ยุคนี้ไม่มีตรงกลาง ทุกคนจะต้องเลือกว่าจะอยู่ฝ่ายใด"

และเมื่อศึกษาเพิ่มมากขึ้น ทำให้ได้รับรู้เพิ่มเติมว่า สื่อมวลชนของบ้านเมืองเราย่อมคล้อยตามไปตามสถานการณ์ทางการเมือง หรือขัดแย้งกับการดำเนินงานของรัฐบาล หรือสนับสนุนแนวความคิดของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ฯลฯ
ทุกสาเหตุเกิดมาจาก ผลประโยชน์
สื่อมวลชนหลายแขนงตกไปอยู่ในอำนาจของนักธุรกิจ นายทุน หากยังก้ำกึ่งขึ้นอยู่กับส่วนราชการก็จะเป็นเนื้อชิ้นโตของหัวหน้าส่วนราชการนั้นๆ ที่จะผลักดันกระแสข่าวให้เอนเอียงไปในทิศทางที่ก่อให้เกิดผลประโยชน์ตอบแทนที่คุ้มค่า(กับการที่ไม่ต้องลงทุนอะไรเลย) นี่คือส่วนหนึ่งของปัญหาในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่นอกจากจะทำงานในหน้าที่ของตนแบบบกพร่องแล้ว ยังสร้างความเสื่อมเสียให้กับระบบราชการอย่างถาวร จนติดเป็นสันดานสืบต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้


ป่าที่เห็นอยู่ในภาพนี้เติบโตขึ้นมาในช่วงฝนตกหนักที่ผ่านมา เป็นภาระที่ต้องถากถางกันมานานกว่าสามเดือนแล้ว เพราะเริ่มต้นจากบริเวณด้านหน้าบ้านเป็นพื้นที่แรกเสียก่อน แล้วจึงเลื่อนลงมาด้านข้างทีละด้าน ในภาพเป็นส่วนที่เกือบจะท้ายสุดอยู่แล้วห่างรั้วด้านหลังออกมาประมาณ 30 เมตรแต่ยังไม่ได้โอกาสเข้าไปทำอะไร เนื่องจากด้านหน้าและด้านข้างยังไม่แล้วเสร็จ ที่เอารูปมาให้ดูก็อยากให้เห็นสภาพความรกของหญ้าว่าอีกไม่นานมันก็จะถูกถากถางออกไปจนหมด สะอาดตา

แต่ประเทศชาติเรานั้น มีข้าราชการที่เลว มีนักการเมืองที่สกปรก มีนายทุนที่ฉ้อฉล มีนักธุรกิจที่จ้องกอบโกยผลประโยชน์ของชาติ มีประชาชนที่ตามืดบอด

แล้วใครล่ะ?
ที่จะกวาดล้างบุคคลเหล่านี้ให้หมดไปจากแผ่นดิน 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บัวสี่เหล่า

บริการสาธารณะ

มองไปข้างหน้า