มุมของอารมณ์


ภาพที่เห็นข้างบนนั่นไม่ใช่ภาพศิลป์ หรือพรรณไม้ต่างดาว หรือกล้วยไม้พันธุ์ใหม่ที่ผสมเทียมขึ้นมาหรอกครับ ก็แค่ดอกมะขามธรรมดาๆ นี่เองที่ปลูกไว้หลังบ้าน แต่ถ้ามองใกล้ๆ แล้วก็ใช้จินตนาการซักนิดก็จะเห็นว่ามันสวยงามกว่าที่เคยเห็นมา เพราะจะว่าไปแล้วก็ไม่เคยให้ความสนใจกับมันอย่างลึกซึ้งมาก่อน เพียงแต่รู้ว่าดอกมะขามกับยอดอ่อนๆ ของมันน่ะเวลาเอามาต้มกับปลาแล้วรสชาติมันแซ่บอย่าบอกใคร โดยเฉพาะถ้าเป็นปลากดด้วยแล้วอย่าให้พูดเลยมันชวนน้ำลายสอน่ะ

แต่จากภาพที่เห็นน่ะไม่ใช่แค่เป็นดอกมะขามทั่วไปนะครับเพราะต้นที่ปลูกไว้น่ะเป็นพันธุ์มะขามยักษ์ หมายความว่ามันต้องใหญ่กว่าธรรมดาแน่นอนต้นหลังบ้้านต้นนี้ปลูกไว้ครั้งแรกประมาณปี 2545 ด้วยการเพาะเมล็ดเองและนำมาปลูกไว้บริเวณกึ่งกลางพื้นที่ว่างหลังบ้านเพื่อหวังร่มเงาในภายหน้า และแล้ววันหนึ่งในปีต่อมาก็เกิดอัคคีภัยโดยเจตนาเพราะแม่บ้านเผาป่าหญ้าหลังบ้านแล้วคุมไฟไม่อยู่ ทำเอาต้นมะขามสูงแค่เมตรกว่าๆ ต้นนี้กลายเป็นซากดำเกรียมในทันที ต่อจากนั้นมาอีกเกือบปีมันฮึดสู้ชูลำต้นงอกขึ้นมาใหม่เนื่องจากรากแก้วยังมั่นคงอยู่ เกือบปีต่อมามันโตขึ้นสูงเกือบเมตรและแล้วก็เกิดอัคคีภัยซ้ำรอยเดิมอีกครั้ง คราวนี้เหลือแต่ตอให้เห็นอยู่จึงต้องเอามีดมาตัดมันทิ้งหวังให้งอกแตกกิ่งก้านอีกครั้ง และก็ไม่ผิดหวัง ต้นมะขามต้นนี้แตกกิ่งก้านสาขาอย่างรวดเร็วคราวนี้มีการกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดทำให้มันเติบโตขึ้นมาจนสูงกว่า10 เมตรแล้วและแผ่กิงก้านสาขาสร้างร่มเงาได้กว้างขวางตามที่ใจต้องการ

สิ่งหนึ่งที่บ่งบอกถึงเชื้อพันธุ์ก็คือฝักมะขามที่เกิดขึ้นมาโดยเฉลี่ยมีขนาดยาวมากกว่า 1 คืบเสียอีก และบางฝักก็ยาวมากกว่านั้นแล้วก็มีนับ 10 เม็ดต่อ 1 ฝักนั่นคือความยาวที่เกินกว่ามะขามบ้านโดยทั่วไปถึง 3-4 เท่าทีเดียว เอาไว้วันหน้าจะถ่ายรูปคู่กับไม้บรรทัดมาให้ชมว่าบางฝักน่ะมันใกล้ๆ จะ 1 ฟุตเอาเลย จริงๆ นะ ไม่ได้โม้ ความหนาน่ะเกิน 1 นิ้วแน่นอน เคยเอามะขามแก่มาปั้นแค่ฝักเดียวเกือบเท่ากำปั้นแกงส้มได้หม้อโตๆ ตอนนี้กำลังเริ่มชยายพันธุ์ออกไปอีกด้วยวิธีการเดิมคือเพาะเมล็ดเพราะเราจะมีรากแก้วเพื่อความมั่นคงและต่อสู้กับความขาดแคลนอาหาร(คงเพราะรากฝอยมันขี้เกีนจหากินน่ะ)


และเมื่อว่างจากป่าไม้น้อยๆ หลังบ้านก็ต้องมาเอาใจหลานตัวน้อยๆ บ้างเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศ เพราะรู้สึกตัวดีว่าชักจะพูดภาษามนุษย์ไม่ค่อยเป็นแล้ว หลังจากที่ห่างเหินการพบปะผู้คนมาหลายปี(ยกเว้นเวลาไปพบแพทย์ตามใบสั่ง) แต่มาคิดอีกทีไม่ใช่ว่าลืมภาษาคนหรอก เพียงแต่ว่าเมื่อมาคบหาสมาคมกับธรรมชาตินานเข้า ชักรู้ตัวว่าเริ่มจะพูดจาไม่ค่อยเข้าหูคนเท่านั้นเอง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บัวสี่เหล่า

บริการสาธารณะ

มองไปข้างหน้า