ใจลอย
ยังคงจำได้ถึงวินาทีที่ตัดสินใจเขียนใบลาออกจากราชการ ทั้งที่ยังมีเวลาราชการเหลืออยู่อีก 10 ปีเต็ม มันเป็นความรู้สึกเหนื่อย ท้อแท้ เบื่อหน่าย ต่อวิธีการทำงานของระบบโดยรวม ต่อความเป็นไปของสังคมที่สับสนวุ่นวาย ผู้คนแตกแยกทางความคิด ส่วนหนึ่งแห่ไปตามคำปลุกปั่นยั่วยุ นักการเมืองปลุกเร้าผู้คนให้คล้อยตามตนเพียงเพื่อหวังในผลประโยชน์ที่จ้องจะกอบโกยกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ประชาชนส่วนหนึ่งก็หลงไหลไปกับประชานิยมที่เห็นผลทันตาโดยไม่ใส่ใจต่อเหตุที่มีมา และผลที่จะตามมา
อำนาจ เป็นก้าวแรกของความขาดสติ ที่ผู้คนบางส่วนแสวงหาเพื่อนำไปสู่สิ่งอื่นๆ เช่น ตำแหน่ง หน้าที่ ทรัพย์สินเงินทอง ซึ่งในกรณีของคนบางคนที่มีพร้อมอยู่แล้วในทุกๆ สิ่ง และมีมากมายจนประเมินค่าไม่ได้ แต่ก็ยังคงแสวงหาต่อไปไม่มีที่สิ้นสุดเพราะกิเลสที่เป็นตัวกำหนดและชี้นำให้ไขว่คว้ามาให้ได้
สิ่งนั้นคือ ความเป็นคนที่เหนือกว่าผู้อื่นในทุกด้าน จะต้องไม่เป็นรองผู้หนึ่งผู้ใดในแผ่นดิน จะต้องเป็นเหมือนเทพเจ้าในสายตาของผู้คนทั่วไป
โดยลืมนึกไปว่า การเป็นเจ้านายคนอื่นนั้นไม่ใช่เรื่องยาก
แต่การเป็นเจ้านายตัวเองนี่ต่างหากที่ยากยิ่งกว่าสิ่งใด
ความทะเยอทะยานนั่่นอยู่นอกเหนือการควบคุมของจิตใจไปเสียแล้ว เพราะวิธีการที่จะทำให้บรรลุจุดประสงค์นั้นผิดไปจากสามัญสำนึกของบุคคลทั่วไปโดยสิ้นเชิง เพราะใช้ทั้งวิธีการที่ชั่วร้าย หลอกลวงผู้คน บิดเบือนความจริงจนไม่สามารถระบุตัวตนของตนเองได้ว่า ยังหลงเหลือจิตใจความเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่?
และก็ไม่น่าแปลกใจที่แนวความคิดของผู้นำครอบครัวย่อมถูกถ่ายทอดลงไปสู่ลูกหลานให้มีความคิดจิตใจและสันดานเฉกเช่นบุพการีทุกประการ
ด้วยการมองสังคมด้วยความดูแคลนในทุกเรื่อง
ด้วยการเหยียดหยามความถูกต้องที่มาขวางเส้นทางชีวิตของตนและครอบครัว
ด้วยการดูหมิ่นคุณธรรมและจริยธรรม ต่างๆ ที่มนุษย์พึงมีอยู่
น่าอนาถที่ทรัพย์สินเงินทอง ไม่สามารถซื้อหาความฉลาดได้เหมือนกับที่ใช้ซื้อใบรับรองคุณวุฒิ
แต่ก็ยังคงเป็นคนโง่ที่มีเงินมากพอที่จะทำให้คนโง่ที่อวดฉลาดบางคนมาเป็นข้ารับใช้ได้อย่างซื่อสัตย์เหมือนสัตว์เลี้ยง
และก็เป็นคนโง่ที่มีเงินมากพอที่จะซื้อหาความยุติธรรมมาเหยียบย่ำได้ในบางโอกาส
แต่ก็ไม่สามารถใช้เงินเหล่านั้นมาซื้อ "ความเป็นคน" ของคนหลายๆ คนในประเทศนี้ได้ทั้งหมดอย่างแน่นอน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น