ความเปลี่ยนแปลง


เดิมทีกลุ่มต้นมะขามยักษ์เหล่านี้ถูกเพาะเลี้ยงไว้ในกระถาง จากเริ่มแรกมีอยู่ประมาณกว่า 30 ต้นแต่อยู่นานไปต้นที่อ่อนแอก็ยอมรับสภาพล้มหายตายจากไปทีละต้นๆ จนในที่สุดเมื่อย้ายลงไปไว้ในดินที่ถมใหม่ข้างบ้านมีต้นมะขามที่ยืนต้นแข็งแรงเหลืออยู่เพียง 5 ต้นที่อยู่ชิดติดกัน จึงใช้เส้นลวดจัดระเบียบให้เป็นแนวตรงขนานกันขึ้นไปพร้อมกับตัดยอด ตกแต่งกิ่งก้านอีกเล็กน้อยเป็นการชั่วคราว รอเวลาที่จะดำเนินการอีกครั้งเมื่อรากแก้วสามารถยึดพื้นดินไว้ได้โดยสมบูรณ์แล้ว จุดประสงค์หลักก็คือต้องการร่มเงาให้กับพื้นที่จึงริดกิ่งก้านในระดับต่ำออกจนหมดเพื่อให้มีช่องว่างของกิ่งก้านที่อยู่ต่ำสุดให้อยู่สูงจากระดับพื้นดินมากที่สุด ส่วนเรื่องประโยชน์ที่จะได้รับตามปกติย่อมเป็นไปตามธรรมชาติ

ห่างออกไปในแนวขนานกับตัวบ้านเป็นต้นมะม่วงอกร่องที่โตอยู่ในกระถางเช่นเดียวกัน แต่ความสูงเพิ่งจะแค่ 10 เซนติเมตร จึงต้องอาศัยกิ่งไม้มาเสียบไว้รอบๆ เพื่อบังแสงแดดที่แรงจัด พื้นที่ในส่วนนี้จะยังคงปล่อยให้เป็นพื้นที่ว่างไว้ก่อน ดังนั้นจะมีเพียงต้นมะขามยักษ์กับมะม่วงเท่านั้นที่จะยืนหยัดเป็นร่มเงาให้รอการตัดสินใจอีกครั้งงหนึ่ง


เดือนมิถุนายน-กรกฎาคมนี่ดูเหมือนจะเป็นช่วงที่น้ำในสระที่ขุดไว้จะลดลงต่ำที่สุดในรอบปี ทำให้อาศัยจังหวะนี้เอาบัวสีแดงลงมาปลูกเพิ่มไว้อีก 5 กอเพราะของเดิมมีเพียงบัวประดับสีฟ้าอ่อนที่เอามาลงไว้ทั้งกระถาง(ด้านล่างซ้ายของภาพ) และบัวที่เอามาลงก็เริ่มแตกหน่อขยายดอกใบออกไปอย่างรวดเร็ว ผิดกับเมื่อหลายปีก่อนที่เอาไม้น้ำไม่ว่าชนิดใดมาลงก็มักจะตายเรียบ ตอนนี้จึงกำหนดแนวทางไว้แล้วว่าจะทดลองนำผักกระเฉดกับผักบุ้งมาลงอีกครั้งหนึ่งเพื่อทดสอบสภาพของน้ำว่าเข้าสู่ภาวะปกติหรือยัง เพราะเมื่อมีดอกบัว ใบบัว ก็ทำให้สภาพของสระน้ำดูน่ารื่นรมย์ขึ้นประกอบกับริมสระน้ำเริ่มมีต้นไม้ใหญ่ที่ให้ร่มเงาได้บ้าง ทั้งต้นกระถินณรงค์ ต้นสัก ต้นหว้ายักษ์ ทำให้เหล่าสัตว์น้ำได้มีที่หลบแสงแดดในช่วงกลางวัน แล้วก็จะเริ่มหาพันธุ์ปลามาลงไว้บ้างในโอกาสต่อไป


กงล้อมหาภัยเหล่านี้ภรรยากวาดต้อนซื้อมากักตุนไว้เตรียมพร้อมใช้สำหรับการตกแต่งผนังห้องของศาลาริมสระน้ำ และบางส่วนก็ทำโต๊ะอาหารไปด้วย ไม่แน่ใจว่าจะพอหรือไม่? แต่ก็วางแผนนำไม้อัด 20 มม.มาร่วมงานด้วยในการสร้างไซด์บอร์ดติดผนัง คงอีกสักระยะหนึ่งก่อนเพราะยังขาดแคลนทุนทรัพย์อยู่ ทำได้แค่คอยไล่ปลวก กับระวังไม่ให้ไม้เปียกชื้นมากนักเท่านั้นเอง แต่เศษไม้ฉำฉานี่คนทั่วไปมักจะมองไม่เห็นความสวยงามที่ซ่อนอยู่หากผ่านการใสตบแต่ง ลงกระดาษทราย ทาแลคเกอร์ หรือน้ำยาเคลือบเงาอื่นๆ ลายไม้จะสวยมาก ที่สำคัญก็คือเป็นไม้เนื้ออ่อน จะดัดแปลงทำท่ายังไงก็ได้ว่านอนสอนง่ายที่สุดเลยเชียวแหละ


ภาระที่ยังคงเป็นตัวช่วยเร่งโรคความดันโลหิตก็ดูเหมือนจะเป็นการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของหญ้าที่ไม่ได้รับเชิญนี่เอง ที่ต้องคอยเก็บกวาดกันทุกเดือน ไม่เหมือนหลังบ้านที่ยอมทนได้ แต่หน้าบ้านนี่มันอายเคาเพราะต้นไม้ใบหญ้า ทั้งไม้ดอกไม้ประดับกำลังโตวันโตคืน ทำให้จำเป็นต้องเริ่มจัดระเบียบสวนหย่อมให้เป็นระบบ ทั้งการเพาะเลี้ยงเพิ่มเติม การแยกกลุ่มไม้ใหญ่ออกไปเป็นสัดส่วนไม่ให้อยู่ใกล้ชิดกัน แม้แต่เฟื่องฟ้าที่ดำเนินการควบคุมลำต้นไว้ตั้งแต่เล็กจนสามารถยืนต้นตรงสูงกว่า 2 เมตรแล้วจึงอนุญาติให้แผ่กิ่งก้านออกทางด้านข้างได้ แน่นอนว่ามีการใช้เส้นลวดรัดกำกับไว้และเปลี่ยนแปลงทุกอาทิตย์เสมอมา

บริเวณที่เห็นในภาพนี้มีการกำหนดไว้แล้วว่า 80 เปอร์เซนต์ของพื้นที่จะถูกปูราดด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก เว้นส่วนที่เป็นต้นไม้ไว้ 1 ตารางเมตรต่อ 1 ต้น แต่ถ้าเป็นต้นราชพฤกษ์ ต้นชงโค และต้นมะม่วงจะเว้นไว้ให้ 4 ตารางเมตร กับในส่วนที่จะจัดเป็นสวนหย่อมก็จะมีการสร้างเพิ่มเติมแตกต่างกันออกไปใน 4 สวนหย่อมที่จัดทำ ซึ่งในช่วงเช้า-เย็น ก็จะออกไปเดินกำหนดจุด วางแผนแล้วก็เปลี่ยนแปลงแผนแทบทุกวัน ส่วนที่ถืออยู่ในมือขวานั้น จะเป็นแก้วกาแฟ หรือแก้วเบียร์ ก็แล้วแต่ช่วงเวลาที่เหมาะสม


ต้นกระดาษดำที่แยกออกมาจากต้นใหญ่รอการเติบใหญ่เพื่อนำไปลงสู่พื้นที่ที่จัดเตรียมไว้ ถึงวันนี้(15 มิถุนายน) เพิ่มเป็น 5 ต้นแล้ว ส่วนอีกสองหน่อปล่อยให้เติบโตคูเคียงไปกับต้นใหญ่เพราะอยู่หน้าบ้านขนาบสองข้างของชานบ้านพอดี

ระยะนี้เป็นห้วงฟุตบอลยูโร ข่าวการเมืองจึงไม่ค่อยอยากจะสนใจซักนิด ประกอบกับพฤติกรรมของนักการเมืองบ้านเราก็ไม่มีวี่แววว่าจะได้รับการพัฒนาสร้างสรรค์ไปในทางที่ดีขึ้นแม้แต่น้อย แต่กลับถดถอยลงสาเหตุอาจเกิดมาจาก บรรดา ส.ส.หลายคนที่เข้ามาอยู่ในรัฐสภา ไม่ได้เป็นที่ต้องการของสังคมแต่ที่ได้เข้ามาเพราะเป็น ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อของพรรคการเมือง และการมีชื่ออยู่ในลำดับต้นๆ นั้นเป็นความสามารถเฉพาะตัวไม่ใช่เพราะความรู้ความสามารถ ทำให้คิดถึงสถานการณ์เมื่อก่อนที่เรามีโอกาสได้เลือกสรรตัวบุคคลที่ไม่ได้สังกัดพรรคการเมืองเข้ามาเป็น ส.ส.ได้ ด้วยคุณวุฒิและความรู้ความสามารถของบุคคลนั้นจริงๆ ซึ่งนี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่คนหลายคนรู้สึกเบื่อหน่ายต่อการเมืองที่ไร้ความเป็นอิสระทางความคิด และต้องมานั่งทนดูการเมืองที่มีคนๆ เดียวเป็นเจ้าของพรรค ต้องมานั่งทนดูคนๆ เดียวควบคุมสั่งการคนในพรรคเสียทุกเรื่อง ต้องมานั่งทนดู ส.ส.บางคนกัดฟันยกมือสนับสนุนความไม่ถูกต้องในรัฐสภา และต้องมานั่งทนดูครอบครัวนักการเมืองไม่กี่ครอบครัวเข้าไปนั่งล้อมวงสังสรรค์ระหว่างเครือญาติอยู่ในรัฐสภา หรือในต่างประเทศด้วยเงินภาษีของประชาชนทั้งแผ่นดิน

บรรดาผู้ที่ต้องการเป็น ส.ส.แบบอิสระโดยไม่ต้องสังกัดพรรคการเมือง ยังมีอีกมากมายที่พร้อมจะรับใช้ประชาชนและปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติอย่างจริงใจ โดยไม่ต้องหวั่นไหวต่อคำสั่ง คำขู่ และมีสิทธิ เสรีภาพ ในการแสดงออกตามรัฐธรรมนูญโดยไม่เห็นแก่อามิสสินจ้าง โดยไม่ต้องแจกจ่ายเงินทองในการหาเสียงเหมือนที่ทำกันอยู่ในทุกวันนี้ ในทุกระดับของการเลือกตั้ง
รัฐบาลกล้าพอที่จะแก้ไขคุณสมบัติของผู้สมัคร ส.ส. และ ส.ว. ในส่วนนี้หรือไม่?




ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บริการสาธารณะ

บัวสี่เหล่า

ลมหายใจ